Privacy policy PDPA KPJH
นโยบายความเป็นส่วนตัวของผู้รับบริการโรงพยาบาลค่ายประจักษ์ศิลปาคมจังหวัดอุดรธานี
ข้อมูลส่วนบุคคลหมายถึง “ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ”
ข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาลค่ายประจักษ์ศิลปาคมเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลประกอบด้วยข้อมูลดังต่อไปนี้
ข้อมูลที่บ่งชี้ตัวตน อาทิ ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ สถานที่ติดต่อ เบอร์โทรศัพท์ อีเมลส่วนตัว เลขทะเบียนโรงพยาบาล เลขทะเบียนห้องปฏิบัติการ เลขบัตรประชาชน
เลขหนังสือเดินทาง เลขใบอนุญาตขับขี่ ข้อมูลทางการศึกษาข้อมูลทางการเงิน ข้อมูลทางการแพทย์ ทะเบียนรถยนต์ ทะเบียนบ้าน วันเดือนปีเกิด สัญชาติ
น้ำหนักส่วนสูง ข้อมูลบนแอพพลิเคชั่นที่สามารถระบุตัวตนได้ เช่น Username /password, Cookies IP address, GPS Location แอพพลิเคชั่นสำหรับการนัด
และแพทย์ทางไกล
ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว ได้แก่ เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม
ข้อมูลด้านสุขภาพ ความพิการ เช่น โรคประจำตัว การฉีดวัคซีน ใบรับรองแพทย์ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ เช่น ลายนิ้วมือ แบบจำลองใบหน้า
ข้อมูลม่านตา หรือข้อมูลเพิ่มเติมอื่นใดที่กระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด
ข้อมูลการรักษาพยาบาล เช่น ประวัติการรักษาพยาบาล วันเดือนปีที่เข้ารับการรักษา จำนวนครั้งของการเข้ารับการรักษา ประวัติแพ้ยาและประวัติผลข้างเคียงจากยา
ประวัติแพ้อาหาร ประวัติการวินิจฉัยโรค หัตถการและชื่อการผ่าตัด ผลการรักษา ผลเลือดผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ผลตรวจชิ้นเนื้อทางพยาธิวิทยา
ภาพถ่ายทางรังสีวิทยาและรายงานผลทางรังสีวิทยารายการและประวัติยาที่แพทย์ได้สั่ง
ประมวลผล หมายถึง เก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผย
ข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาลค่ายประจักษ์ศิลปาคมเก็บรวบรวมจากท่าน
ประเภทข้อมูลส่วนบุคคล |
รายละเอียดข้อมูล |
ข้อมูลที่บ่งชี้ตัวตน |
ชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด เพศ อายุ อาชีพ สถานภาพ สัญชาติ น้ำหนักส่วนสูง ที่อยู่ สถานที่ติดต่อ สถานที่ทำงาน เบอร์โทรศัพท์ อีเมล เลขที่ใบอนุญาตขับขี่ ข้อมูลทางการศึกษา ทะเบียนรถยนต์ ทะเบียนบ้าน เลขทะเบียนโรงพยาบาล เลขบัตรประชาชน ประวัติการศึกษา ประวัติการทำงาน ประวัติครอบครัว ชื่อคู่สมรส บุตร ญาติหรือบุคคลที่ติดต่อได้ ข้อมูลประวัติอาชญากรรม ใบรับรองแพทย์ก่อนเกณฑ์ทหาร Username/Password |
ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว |
ความพิการ ศาสนา โรคประจําตัว |
ข้อมูลการรักษาพยาบาล |
ประวัติการรักษา สิทธิการรักษา วันเดือนปีที่เข้ารับการรักษา จํานวนครั้งของการเข้ารับการรักษา ประวัติแพ้ยาแพ้อาหาร ประวัติการใช้ยาสำคัญของ รพ . อื่น ประวัติการรับและส่งต่อผู้ป่วย เพื่อลงข้อมูลไว้แจ้งเตือน ประวัติการวินิจฉัยโรค หัตถการ ผลการรักษา ผลทางห้องปฏิบัติการ ภาพถ่ายรังสี ประวัติยาที่สั่ง ผลตรวจชิ้นเนื้อทางพยาธิวิทยา ข้อมูลความพึงพอใจในการรับบริการ |
ข้อมูลสถิติ |
ข้อมูลที่ไม่ระบุตัวตน จำนวนผู้ป่วย |
ข้อมูลการเข้าใช้เว็บไซต์ |
หมายเลข IP Address ของคอมพิวเตอร์ ชนิดของบราวเซอร์ ข้อมูล Cookies การตั้งค่าเรื่องเขตเวลา (time zone) ระบบปฏิบัติการ แพลตฟอร์มและเทคโนโลยีของอุปกรณ์ที่ใช้เข้าเว็บไซต์ |
แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล
โดยเราจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากขั้นตอนการให้บริการ ทางโรงพยาบาลค่ายประจักษ์ศิลปาคมอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจาก
- ข้อมูลส่วนบุคคลจากท่านโดยตรง
ขั้นตอนการลงทะเบียนทั้งจากการมารับบริการด้วยตนเอง ทางโทรศัพท์หรือสมัครใช้บริการผ่านช่องทางออนไลน์
- ข้อมูลส่วนบุคคลจากท่านโดยอ้อม ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาจากบุคคลที่สาม ดังต่อไปนี้ ญาติหรือคู่สมรส บุคคลที่ท่านได้มอบอำนาจให้ดำเนินการแทน
ตัวท่านในการติดต่อกับโรงพยาบาล บุคคล นิติบุคคล หรือหน่วยงานไม่ว่าภาครัฐ เอกชน หรือรัฐวิสาหกิจที่เป็นผู้ส่งท่านมาตรวจรักษากับเราหรือเป็นผู้ชำระ
ค่าบริการตรวจรักษาให้กับท่าน
วัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูล ทางโรงพยาบาลจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อ
- การตรวจรักษาโรคและให้บริการทางการแพทย์
เราจะดำเนินการดังนี้กับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
- เพื่อให้บริการทางการแพทย์ในโรงพยาบาล โดยนำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อปรึกษาทีมแพทย์ รวมถึงถ่ายภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว เพื่อติดตามการรักษา
และ/หรือ กระทำการใดๆ ตามหลักวิชาชีพที่เกี่ยวข้องตลอดระยะเวลาที่ท่านเข้าอยู่รับการตรวจรักษาโดยทางรพ. จะอธิบายข้อมูลรายละเอียดให้ท่านได้เข้าใจก่อน
และเปิดโอกาสให้ท่านถามจนพอใจ ให้บริการทางการแพทย์ในกรณีจำเป็นต้องเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างสถานพยาบาลในเครือข่าย - เพื่อรับและส่งต่อระหว่างโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลอื่นในกรณีที่มีการร้องขอหรือได้รับการร้องขอให้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยจากโรงพยาบาลเพื่อไปรับการ
ตรวจรักษาต่อที่สถานพยาบาลอื่นตามกระบวนการรับ-ส่งต่อผู้ป่วยระหว่างโรงพยาบาล โดยจะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการรับ-ส่งต่อผู้ป่วย
เท่านั้น ไม่นำไปใช้ในวัตถุประสงค์อื่น
- การพัฒนาคุณภาพการรักษาพยาบาล โรงพยาบาลนำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อการพัฒนาคุณภาพของการรักษาพยาบาล โดยจะทำเป็นรูปแบบรายงานผล
โดยภาพรวมที่ไม่มีการบ่งชี้ตัวตนของเจ้าของข้อมูล และจะรักษาความลับของข้อมูลดังกล่าวของท่านอย่างเคร่งครัด - การเปิดเผยข้อมูลให้บริษัทประกันภัย หน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจที่ท่านเป็นคู่สัญญา เพื่อวัตถุประสงค์ในการใช้สิทธิเรียกค่าสินไหมทดแทนจากบริษัท
ประกันภัยหรือใช้สิทธิเบิกค่ารักษาพยาบาล โรงพยาบาลนำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อประโยชน์ในการเบิกจ่ายค่าสินไหมทดแทนแล้ว บริษัทจำเป็นต้องเปิดเผย
ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาที่ท่านได้ทำไว้ทั้งนี้ บริษัทประกันภัย หน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจจะไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ให้กับบุคคลอื่นใดที่ไม่เกี่ยวข้อง - การเปิดเผยข้อมูลให้ผู้ว่าจ้างของท่านเมื่อท่านได้ยินยอมให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีที่หน่วยงานไม่ว่าภาครัฐ เอกชน หรือรัฐวิสาหกิจเป็นผู้ส่งท่านมา
ตรวจรักษากับโรงพยาบาลหรือเป็นผู้ชำระค่าบริการตรวจรักษาให้แก่ท่าน โรงพยาบาลจะเปิดเผยข้อมูลการตรวจรักษาซึ่งเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหวให้กับ
ผู้ว่าจ้างของท่านเฉพาะกรณีที่ท่านได้ให้ความยินยอมในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับผู้ว่าจ้างเท่านั้น ถ้าท่านไม่ได้ให้ความยินยอมดังกล่าว
โรงพยาบาลจะส่งผลตรวจรักษาให้ท่านโดยตรง - การเชื่อมโยงฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ด้านเวชระเบียนระหว่างสถานพยาบาลผ่านโมบายแอพพลิเคชั่น เมื่อท่านให้ความยินยอม โรงพยาบาลจะนำข้อมูลส่วนบุคคล
ของท่านเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ในรูปแบบของโมบายแอพพลิเคชั่นเพื่ออำนวยความสะดวกให้ท่านในการรับคำปรึกษาผ่านแอพพลิเคชั่น และเพื่อให้ท่านสามารถ
บริหารจัดการข้อมูลได้ผ่านแอพพลิเคชั่น และเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ระบบจะทำการเชื่อมโยงฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ด้านเวชระเบียนระหว่างสถานพยาบาล
ในเครือข่ายเพื่อให้ท่านสามารถเรียกดูข้อมูลส่วนบุคคลของท่านผ่านอุปกรณ์ต่างๆ ได้ โดยบริษัทฯ มีความตกลงร่วมกับสถานพยาบาลเครือข่ายเพื่อคุ้มครองข้อมูล
ส่วนบุคคลของท่านให้เป็นไปตามที่ พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 กำหนด
นอกจากวัตถุประสงค์ที่ระบุข้างต้นแล้ว โรงพยาบาลจะไม่นำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่น ยกเว้นในกรณีที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
พ.ศ.2562 อนุญาต เช่น เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายของบริษัทฯ เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย เพื่อความจำเป็นในการปฏิบัติตามกฎหมายด้านการคุ้มครอง
แรงงาน การให้สวัสดิการรักษาพยาบาล การประกันสังคม เพื่อประโยชน์ด้านสาธารณสุข หรือการคุ้มครองทางสังคมอื่นใดโดยโรงพยาบาลจัดให้มีมาตรการที่เหมาะสม
เพื่อคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานและประโยชน์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
การเปิดเผยหรือแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคล
โดยบุคคล หน่วยงาน ที่โรงพยาบาลอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมี ดังนี้
- เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้หน่วยงานราชการ หน่วยงานผู้มีอำนาจหรือบุคคลใดๆ เมื่อมีกฎหมายกำหนดหรือให้อำนาจ รวมถึงการปฏิบัติตามคำสั่งศาล
- การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้กับบุคคลหรือนิติบุคคลที่โรงพยาบาลจำเป็นต้องปฏิบัติตามสัญญาเพื่อผลประโยชน์ของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
โดยโรงพยาบาลกำหนดให้บุคคลหรือนิติบุคคลเหล่านี้ต้องรักษาความลับและคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามมาตรฐานที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูล
ส่วนบุคคล พ.ศ.2562 กำหนด ซึ่งบุคคลหรือนิติบุคคลในข้อนี้ได้แก่- สถานพยาบาลในเครือข่าย
- บริษัทประกันภัย หรือผู้ให้บริการบริหารจัดการสินไหมทดแทนของบริษัทประกันภัยนั้น
- สถานพยาบาลที่รับการส่งต่อผู้ป่วย
- ผู้ส่งท่านมาตรวจรักษากับสถานพยาบาล
- ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงานของบริษัทฯ เช่น ผู้รับจ้าง หรือผู้ให้บริการตรวจทางห้องปฏิบัติการ การจัดทำข้อมูล การโทรคมนาคม
ระบบคอมพิวเตอร์ การชำระเงิน หรือการให้บริการด้านเทคโนโลยี (Technology Outsource)
- โรงพยาบาลอาจเก็บข้อมูลส่วนบุคคลไว้ในระบบประมวลผลแบบคลาวด์ โดยใช้บริการจากบุคคลที่สามไม่ว่าตั้งอยู่ในประเทศไทยหรือต่างประเทศ โดยโรงพยาบาล
ได้เข้าทำสัญญากับบุคคลดังกล่าวด้วยความระมัดระวังและพิจารณาถึงระบบรักษาความปลอดภัยในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลที่ ผู้ให้บริการระบบประมวลผลแบบ
คลาวด์นั้นให้กับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล - โรงพยาบาลอาจมีความจำเป็นในการโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังหน่วยงานต่างประเทศหรือองค์กรระหว่างประเทศ โดยมีรายชื่อเช่น Line Facebook โดย
หน่วยงานดังกล่าวมีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอ และจะสามารถบังคับใช้สิทธิ์ของเจ้าของข้อมูล รวมทั้งมีมาตรการเยียวยาตามกฎหมายที่จะบังคับ
ใช้ได้ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ https://terms.line.me/line_terms และ https://www.facebook.com/policies_center
การเก็บรักษาและระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
การเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล โดยผู้ควบคุมทำการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ดังนี้
- ลักษณะการเก็บ
โรงพยาบาลจัดเก็บข้อมูลเป็นเวชระเบียนในรูปแบบสำเนาถาวรและสำเนาชั่วคราว โดยจัดการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลด้วยมาตรการไม่น้อยกว่าระดับที่กฎหมาย
กำหนดและด้วยระบบที่เหมาะสม เพื่อป้องกันและรักษาความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคล มีการจำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่อาจจะเข้าถึงได้โดยพนักงาน ตัวแทน
คู่ค้าหรือบุคคลภายนอก รวมถึงการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลภายนอกจะสามารถทำได้ตามเท่าที่กำหนดไว้หรือตามคำสั่ง ซึ่งบุคคลภายนอกจะต้องมีหน้าที่
ในการรักษาความลับและคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จัดให้มีวิธีการทางเทคโนโลยีเพื่อป้องกันไม่ให้มีการเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ไม่ได้รับอนุญาตและมีระบบตรวจ
สอบเพื่อจัดการทำลายข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่มีความจำเป็นในการดำเนินการ ในกรณีที่เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหวทางโรงพยาบาล จัดให้มีมาตรการการรักษา
ความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ในด้านการเข้าถึงและควบคุมการใช้งาน มีระบบการใช้งานและระบบสำรองพร้อมทั้งแผนสำหรับกรณีฉุกเฉิน และมี
การตรวจสอบประเมินความเสี่ยงของระบบอย่างสม่ำเสมอ
- สถานที่จัดเก็บ
จัดเก็บในสถานที่ที่มีระบบป้องกันการเข้าถึงที่จำกัดบุคคลที่สามารถเข้าถึงได้สำหรับข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ในรูปแบบเวชระเบียนฉบับจริงและสำเนาที่อาคาร 2 ชั้น 3
ข้อมูลส่วนเวชระเบียนรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่อาคาร 1 ชั้น 3 ข้อมูลภาพถ่ายรังสีในระบบคอมพิวเตอร์ที่แผนกรังสีกรรมอาคาร 2 ชั้น 1 และแผนกทันตกรรมอาคาร 3
ชั้น 1
- ระยะเวลาจัดเก็บ เป็นไปตามหัวข้อ ระยะเวลาในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
ใช้มาตรฐานระยะเวลาการเก็บเวชระเบียนตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 และ ฉบับแก้ไขล่าสุด โดยหลังจากจำหน่ายผู้ป่วยแล้ว จะเก็บต่ออีก 5 ปี
เมื่อครบกำหนด 5 ปีแล้วจะทำลายทิ้งทั้งเวชระเบียนฉบับจริง สำเนาและเวชระเบียนรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ในกรณีที่โรงพยาบาลต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ปฏิบัติตาม
คำสั่งศาล หรือต้องก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมายเพื่อเข้ากระบวนการระงับข้อพิพาทใดๆ โรงพยาบาลอาจจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลได้ตามระยะเวลาของอายุความ
ตามกฎหมาย หรือจนกว่าข้อพิพาทนั้นจะถึงที่สุดแล้วแต่กรณี
- เมื่อพ้นระยะเวลาจัดเก็บ หรือเราไม่มีสิทธิ์หรือไม่สามารถอ้างฐานในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแล้ว เราจะดำเนินการทำลายข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
ในกรณีที่เป็นสำเนาถาวรจะทำลายผ่านเครื่องทำลายเอกสาร ในกรณีสำเนาชั่วคราวจะทำลายผ่านการลบข้อมูลในระบบที่ใช้งานและระบบสำรองและจะดำเนิน
การให้แล้วเสร็จภายใน 1 อาทิตย์ นับแต่วันสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าว
สิทธิ์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านมีสิทธิ์ในการดำเนินการตามขอบเขตที่กฎหมายอนุญาตให้กระทำได้ ดังต่อไปนี้
(1) สิทธิ์ในการเพิกถอนความยินยอม (right to withdraw consent): ท่านมีสิทธิ์ในการเพิกถอนความยินยอมในการ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความ
ยินยอมกับเราได้ ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับเรา
(2) สิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (right of access): ท่านมีสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและขอให้เรา ทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้แก่
ท่านรวมถึงขอให้เราเปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านไม่ได้ให้ความ ยินยอมต่อเราได้
(3) สิทธิ์ในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (right to rectification): ท่านมีสิทธิ์ในการขอให้เราแก้ไขข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง หรือ เพิ่มเติมข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์
(4) สิทธิ์ในการลบข้อมูลส่วนบุคคล (right to erasure): ท่านมีสิทธิ์ในการขอให้เราทำการลบข้อมูลของท่านด้วยเหตุบาง ประการได้
(5) สิทธิ์ในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (right to restriction of processing): ท่านมีสิทธิ์ในการระงับการใช้ข้อมูล ส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุบางประการได้
(6) สิทธิ์ในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล (right to data portability): ท่านมีสิทธิ์ในการโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคลของ ท่านที่ท่านให้ไว้กับเราไปยังผู้ควบคุมข้อมูล
รายอื่นหรือ ตัวท่านเองด้วยเหตุบางประการได้
(7) สิทธิ์ในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (right to object): ท่านมีสิทธิ์ในการคัดคานการประมวลผล ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุบางประการได้
ท่านสามารถติดต่อมายังเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเราได้ เพื่อดำเนินการยื่นคำร้องขอดำเนินการตามสิทธิ์ข้างต้นได้ หรือท่านอาจศึกษา
เพิ่มเติมได้ที่ข้อมูลสำหรับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เช่น TDPG3.0, เว็บไซต์กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม http://www.mdes.go.th ทั้งนี้ ท่านไม่จำเป็นต้อง
เสียค่าใช้จ่ายใดๆในการดำเนินตามสิทธิ์ข้างต้น โดยเราจะพิจารณาและแจ้งผลการพิจารณาตามคำร้องของท่านภายใน 30 วันนับแต่วันที่เราได้รับคำร้องขอดังกล่าว
การเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
โรงพยาบาลอาจทบทวนและเปลี่ยนแปลงนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในอนาคตเพื่อพัฒนาให้เกิดการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ดีขึ้นและสอดคล้องกับแนว
ปฏิบัติและกฎหมาย ข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง หากมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัว ทางโรงพยาบาลจะแจ้งให้ท่านทราบทุกครั้งด้วยการ update ข้อมูลลงใน
website ของเราทกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายดังกล่าว
ช่องทางการติดต่อ
รายละเอียดผู้ควบคุมข้อมูล
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลค่ายประจักษ์ศิลปาคม
ชื่อ: พ.อ.สงคราม โชคชัย
สถานที่ติดต่อ: ห้องผู้อำนวยการ อาคาร 4 ชั้น 2
ช่องทางการติดต่อ:
โทรศัพท์ 042342777 ต่อ 27308
เว็บไซต์ https://kpjhospital.com/
รายละเอียดเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer: DPO)
หัวหน้าแผนกเวชระเบียน
ชื่อ: จ.ส.อ.หญิงวีณา ศิริสุทธิ์
สถานที่ติดต่อ: สำนักงานเวชระเบียน อาคาร 1 ชั้น 1
ช่องทางการติดต่อ:
โทรศัพท์ 042342777 ต่อ 27348-9
Email: This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
นโยบายความเป็นส่วนตัวถูกทบทวนครั้งล่าสุดเมื่อ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2565
รายละเอียดหน่วยงานกำกับดูแล
ในกรณีที่โรงพยาบาลหรือลูกจ้างหรือพนักงานของเราฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านสามารถร้องเรียนต่อหน่วยงานกำกับดูแล ตามรายละเอียดดังนี้
ชื่อ: สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (คกก.พัฒนาและส่งเสริมพฤติกรรมบริการ)
สถานที่ติดต่อ: โรงพยาบาลค่ายประจักษ์ศิลปาคม
ช่องทางการติดต่อ:
โทรศัพท์ 042342777 ต่อ 27336
Email: This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.